กรมส่งเสริมการเกษตร ขานรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ที่ต้องการดึงนักท่องเที่ยวที่นิยมท่องเที่ยวในต่างประเทศให้หันมาท่องเที่ยวในประเทศ ในช่วงฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

            นายชาตรี บุญนาค รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ด้านพัฒนาเกษตรกร กล่าวว่า จากแนวคิดของนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทย เพื่อดึงให้นักท่องเที่ยวที่นิยมท่องเที่ยวหันมาเที่ยวในไทย ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรทั่วประเทศ โดยจะมีสำนักงานเกษตรจังหวัดทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ให้คำแนะนำ และร่วมพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร สร้างรายได้สู่ชุมชน พร้อมทั้งพัฒนาแอปพลิเคชัน “ท่องเที่ยวเชิงเกษตร” ตัวช่วยในการวางแผนก่อนการเดินทาง ที่สามารถดาวน์โหลดได้แล้วทั้งในระบบปฏิบัติการ IOS และ Android และในช่วงสถากรณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้เน้นย้ำให้ทุกแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ดำเนินการตามมาตรการในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะมาเยือนในรูปแบบใหม่ หรือ New normal โดยยึดหลักความสะอาด และความปลอดภัย ต่อทั้งชุมชน และนักท่องเที่ยว       

            นายชาตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการลงพื้นที่สำรวจเส้นทาง “ท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างสร้างสรรค์ สุขทุกวันที่หนองย่างเสือ” ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่บริหารจัดการในรูปแบบของวิสาหกิจชุมชน เกิดจากการรวมกลุ่มของเกษตรกรในพื้นที่ที่ผลิตสินค้า และรวมกลุ่มสมาชิกเป็นวิสาหกิจชุมชนตำบลหนองย่างเสือ ในปี 2558 เพื่อเป็นการรวมสมาชิกในการผลิตสินค้าและแปรรูปเป็นหลัก หลังจากการดำเนินการผ่านไปสักระยะหนึ่ง สมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเกิดการรวมกลุ่มที่มุ่งเน้นกิจกรรมท่องเที่ยว รายได้หลักเกิดจากการจำหน่ายสินค้า และมีรายรองที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว

            ท่องเที่ยวเชิงเกษตรชุมชนหนองย่างเสือ มีจุดท่องเที่ยวเชิงเกษตรหลักจำนวน 4 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 ฟาร์มสายทอง แปรรูปหม่อนหรือมัลเบอร์รี่ จุดที่ 2 สวนผักครูสรรเสริญ แหล่งผลิตผักปลอดสาร และสาธิตการทำสลัดโรล จุดที่ 3 ไร่องุ่นภูนวพันธ์ ชมแปลงปลูกองุ่นแบบปลอดสาร และเรียนรู้การผลิตและแปรรูป และจุดที่ 4 สวนบิ๊กเต้ สวนเบญจมาศที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง ที่มีให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปได้ตลอดปี    โดยมีสำนักงานเกษตรจังหวัดสระบุรีเป็นพี่เลี้ยง และได้กำหนดเป้าหมายที่จะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยว ส่งเสริมการแปรรูปสินค้า การผลิตพืชปลอดภัย GAP เพื่อส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยว และพัฒนาเพื่อความยั่งยืนในอนาคตต่อไป

            นอกจากนี้ นายชาตรี ยังให้คำแนะนำถึงการท่องเที่ยวแบบ One Day Trip กับ ท่องเที่ยวเชิงเกษตรชุมชนหนองย่างเสือ ว่า

            ในการเดินทางเข้าสู่ตำบลหนองย่างเสือ สามารถใช้เส้นทางหมายเลข 2224 มวกเหล็ก-ซับน้อยเหนือ ซึ่งแยกจากถนนมิตรภาพ ระยะทางประมาณ 23 กม. โดยเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ในช่วงเวลา 07.30 น. มุ่งไปตามเส้นทางถนนวิภาวดี – รังสิต มุ่งหน้าสระบุรี ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ระยะทางถึงตัวอำเภอมวกเหล็ก 145 กิโลเมตร และเดินทางต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร

จุดที่ 1 ไปที่ฟาร์มสายทอง เป็นจุดรับนักท่องเที่ยวจุดแรก จุดนี้จะเป็นจุดสาธิตการแปรรูปหม่อนผลสด เป็นน้ำมัลเบอร์รี่ แยม ซอส ตลอดจนแปรรูปเป็นอาหาร ชมแปลงปลูกหม่อนจำนวนหลายร้อยต้น นักท่องเที่ยวสามารถทดลองทำเองโดยมีวิทยากรประจำแหล่งท่องเที่ยวให้คำแนะนำ จุดนี้จะมีสินค้าที่สำคัญ คือ แยมหม่อน ซอสหม่อน และน้ำมัลเบอร์รี่ นักท่องเที่ยวจะใช้เวลาอยู่ที่ฟาร์มสายทองประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่เก็บค่าเข้าชม (ติดต่อคุณสายสุนีย์ สุวรรณดี 08-9045-1558 เจ้าของฟาร์มสายทอง

จุดที่ 2 เดินทางต่อไปยังสวนผักครูสรรเสริญ จากฟาร์มสายทอง ระยะทาง 6 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จุดนี้เป็นแหล่งผลิตผักปลอดสารพิษ สดสะอาด และปลูกด้วยดินธรรมชาติ โดยมีผักกาดหอม‪บัตเตอร์เฮดเป็นตัวชูโรง นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และจุดนี้ยังมีการสาธิตการทำสลัดโรล ให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองทำและรับประทานผักสดๆ สะอาดจากสวนได้อีกด้วย นักท่องเที่ยวจะใช้เวลาอยู่ที่สวนผักครูสรรเสริญประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่เก็บค่าเข้าชม (ติดต่อ อ.สงบ เพียรทำดี 081-8283917 เจ้าของสวนผักครูสรรเสริญ )

จุดที่ 3 เดินทางต่อไปยังไร่องุ่นภูนวพันธ์ จากสวนผักครูสรรเสริญ ระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ไร่องุ่นภูนวพันธ์ ไร่ที่ไม่ได้ปลูกแค่องุ่น แต่มีผักปลอดสารต่างๆ มากมายบนเนื้อที่ 117 ไร่ เช่น ผักสลัดไฮโดร เห็ด ผักชี ต้นหอม อินทผาลัม ไร่ได้มาตรฐาน GAP หน้าไร่มีร้านขายของฝากและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากองุ่น ใครที่สนใจมาเที่ยวชมหรือมาดูงานเป็นหมู่คณะมีวิทยากรให้คำปรึกษาฟรี ไร่องุ่นภูนวพันธ์เที่ยวได้ตลอดปี ช่วงหน้าหนาวอากาศดี เดือน พย.-กพ. นักท่องเที่ยวจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เข้าชมฟรี 7.00 – 17.00 น. โทร.083-7367904 คุณกุ๊กไก่

จุดที่ 4 เดินทางต่อไปยังสวนบิ๊กเต้ จากไร่องุ่นภูนวพันธ์ระยะทาง 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที “สวนบิ๊กเต้” เป็นสวนเบญจมาศที่บานสะพรั่งนับล้านดอก อวดสีสันสดใสสลับกันเป็นแถวแนวยาวสุดลูกหูลูกตา ในโอบล้อมของขุนเขาเขียวขจี ภาพฝันแบบนี้เรานึกว่ามีแต่ในต่างประเทศเท่านั้น แต่แล้วฝันก็ ไม่ไกลเกินไปนัก เพียงเดินทางมายังมวกเหล็ก ณ สวนบิ๊กเต้ ก็จะได้พบกับความงดงามของดอกเบญจมาศน้อยใหญ่หลากสีสัน เบ่งบานชูช่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ทุกวัน พื้นที่ 130 ไร่แห่งนี้ ณ ตอนนี้ที่สวนบิ๊กเต้ได้กลายเป็นสวนเบญจมาศที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ภาคกลาง โดยมีดอกไม้ส่งขายเฉลี่ย 1 ตันต่อวัน กระจายไปยังภาคกลางและภาคอีสาน ที่สำคัญนักท่องเที่ยวเข้ามาชมความงามอย่างไม่หวงแหน ไม่ว่าจะเดินชมหรือถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด และถ้าใครหลงรักความงดงามนี้จนอยากหอบเบญจมาศช่อใหญ่ๆ กลับบ้านไปด้วย ก็ขอซื้อและถอนต้นกันสดๆ จากแปลงไปได้เลย นักท่องเที่ยวจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง (ค่าเข้าชม 20 บาท/ท่าน) ติดต่อ คุณภูธนะ พรหมพิทักษ์ น้องต๊ะ  เบอร์ 080-4550659 )

            ทั้งนี้หากเดินทางเป็นหมู่คณะ เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการบริการ กรุณาสอบถามเส้นทาง ล่วงหน้า โดยติดต่อ นายสิทธิชัย สำเภาพล 096-8411556 หรือ 081-8138221